วันที่ 13 พฤศจิกายน 2568 นายพรยศ กลั่นกรอง อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม มอบหมายให้ เจ้าหน้าที่กองบริหารจัดการกากอุตสาหกรรม กองส่งเสริมเทคโนโลยีความปลอดภัยโรงงาน กองวิจัยและเตือนภัยมลพิษโรงงาน กองบริการงานอนุญาตโรงงาน 1 และกองส่งเสริมเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อมโรงงาน ผนึกกำลังร่วมกับคณะทำงานการขับเคลื่อน การตรวจสอบ การจัดการด้านมลพิษและสิ่งแวดล้อม (ฉก.มลพิษ) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำหมายศาลจังหวัดลพบุรีเข้าตรวจสอบการประกอบกิจการโรงงานหลอมโลหะ จำนวน 3 แห่ง ในตำบลวังเพลิง อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี ภายหลังได้รับเรื่องร้องเรียนของประชาชนต่อความเดือดร้อนกลิ่นเหม็นรบกวนจากการประกอบกิจการโรงงาน
จากการกระจายกำลังเข้าตรวจสอบโรงงาน “บริษัท เคดีดี เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด” ประเภทโรงงานลำดับที่ 106 ประกอบกิจการเกี่ยวกับหล่อหลอมและสกัดโลหะมีค่า และ “บริษัท ดี-เวสต์ ยูทิลิเซชั่น จำกัด” ประเภทโรงงานลำดับที่ 58(1) ประกอบกิจการทำผลิตภัณฑ์อิฐบล็อก อิฐก้อน ตะกรันจากการหลอมโลหะ ซึ่งโรงงานทั้ง 2 แห่งอยู่พื้นที่บริเวณเดียวกัน ขณะตรวจสอบไม่พบการประกอบกิจการ เนื่องจากอยู่ระหว่างให้หยุดประกอบกิจการทั้งหมดเป็นการชั่วคราว ตามคำสั่งมาตรา 39 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 โดยเจ้าหน้าที่ได้ตรวจวัดก๊าซภายในโรงงานด้วยเครื่องตรวจวัดก๊าซหลายชนิดแบบพกพา (MultiRAE) พบก๊าซแอมโมเนียและฟอร์มาดีไฮล์ ซึ่งเป็นกลิ่นและไอระเหยสารเคมีที่อาจส่งผลกระทบต่อพื้นที่ชุมชนโดยรอบได้ จึงแนะนำให้โรงงานทำที่กั้นบริเวณเตาหลอม โดยเฉพาะใกล้ระบบบำบัดอากาศในจุดที่มีความร้อน รวมทั้งจัดสายไฟในระบบไฟฟ้าให้มีความปลอดภัยและเป็นไปตามมาตรฐาน พร้อมกำชับให้เร่งขนย้ายกากอลูมิเนียมดรอส (Aluminum Dross) กว่า 40,000 ตัน ที่ฝังกลบอย่างไม่ถูกต้องในพื้นที่รอยต่อของทั้ง 2 บริษัทฯ นำออกไปบำบัดกำจัดให้เป็นไปอย่างถูกต้อง และปรับปรุงแก้ไขโรงงานให้เป็นไปตามเงื่อนไขใบอนุญาตอย่างเคร่งครัด
จากนั้น ลงพื้นที่โรงงาน “บริษัท ที สยาม เอเจนซี่ จำกัด” ประเภทโรงงานลำดับที่ 60 ประกอบกิจการหลอมหล่อโลหะ เช่น ทองแดง อลูมิเนียม ขณะตรวจสอบไม่พบการประกอบกิจการ แต่พบการติดตั้งเครื่องจักรไม่ตรงกับที่ได้รับอนุญาต เข้าข่ายเป็นความผิดในข้อหาตั้งและประกอบกิจการโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต อีกทั้งพบการกระทำที่แสดงความละเลยด้านความปลอดภัยและไม่เป็นไปตามที่เงื่อนไขใบอนุญาตหลายประการ ทั้งไม่มีระบบสัญญาณแจ้งเหตุเพลิงไหม้ครอบคลุมครอบคลุมทั่วทั้งอาคาร ไม่มีการจัดเตรียมน้ำสำรองสำหรับดับเพลิงในปริมาณเพียงพอ ระบบไฟฟ้ามีความเสี่ยงต่อการเกิดอัคคีภัย ระบบบำบัดมลพิษอากาศอยู่ในสภาพไม่พร้อมใช้งาน ตลอดจนพบการเก็บผงสีดำหลังการเผาบรรจุถุงบรรจุภัณฑ์ขนาดใหญ่ที่มีความยืดหยุ่นสูง หรือถุงบิ๊กแบ็ก (Big Bag) ไว้ภายในอาคาร 3 หลัง รวมประมาณ 1,245 ตัน เจ้าหน้าที่จึงยึดอายัดเครื่องจักรและกากอุตสาหกรรมที่ตรวจพบทั้งหมด พร้อมเก็บตัวอย่างกากอุตสาหกรรมในถุงบิ๊กแบ็ก ของเหลวในถัง ดินหลังอาคารกระบวนการผลิต และน้ำในบ่อพักน้ำจากระบบบำบัดอากาศ หากผลการตรวจ วัด วิเคราะห์ เข้าข่ายเป็นวัตถุอันตราย ตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 โรงงานจะต้องถูกดำเนินคดีเพิ่มเติมในความผิดข้อหาครอบครองวัตถุอันตรายโดยไม่ได้รับอนุญาต ทั้งนี้ พนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยโรงงานได้เดินทางไปลงบันทึกประจำวัน ณ สถานีตำรวจภูธรเพนียด เพื่อเป็นหลักฐานประกอบการดำเนินคดีต่อไป
สำหรับคณะทำงานการขับเคลื่อน การตรวจสอบ การจัดการด้านมลพิษและสิ่งแวดล้อม (ฉก.มลพิษ) ร่วมลงพื้นที่ในครั้งนี้ นำโดย พลตำรวจตรี สุวิชาญ ญาณกิตติกุล ประธานคณะทำงานฯ นายจำลอง ช่วยรอด รองประธานคณะทำงานฯ และนายธนัญชัย วรรณสุข รองอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ร่วมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) นำโดย พันตำรวจเอก วิญญู แจ่มใส ผู้กำกับการ 2 บก.ปทส. สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดลพบุรี สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดลพบุรี สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษภาค 7 (สระบุรี) และองค์การบริหารส่วนตำบลวังเพลิง
#กรมโรงงานอุตสาหกรรม #กรมโรงงาน #กรอ #DIW #MIND #กระทรวงอุตสาหกรรม #ลพบุรี