🏭กรมโรงงานฯ ร่วมขับเคลื่อนร่างกฎหมาย #PRTR เป็นฐานข้อมูลรายงาน #การปลดปล่อยและเคลื่อนย้ายสารมลพิษ สำหรับประชาชน🌿

ก ก ก | EN | อินทราเน็ต

นายพรยศ กลั่นกรอง อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม มอบหมายให้ นางสาวศิรกาญจน์ เหลืองสกุล ผู้อำนวยการกองส่งเสริมเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อมโรงงาน เข้าร่วมเป็น ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการรายงานการปลดปล่อยและเคลื่อนย้ายสารมลพิษสู่สิ่งแวดล้อม พ.ศ. …. (PRTR) ณ อาคารรัฐสภา

นางสาวศิรกาญจน์ เหลืองสกุล ผู้อำนวยการกองส่งเสริมเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อมโรงงาน เข้าร่วมเป็น ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการรายงานการปลดปล่อยและเคลื่อนย้ายสารมลพิษสู่สิ่งแวดล้อม พ.ศ. …. (PRTR) ณ อาคารรัฐสภา

สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2568 ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้มีมติรับหลักการร่างพระราชบัญญัติ ในวาระแรก จำนวน 2 ฉบับ ดังนี้

1. ร่างพระราชบัญญัติการรายงานและเปิดเผยข้อมูลการปล่อยและเคลื่อนย้ายสารมลพิษ พ.ศ. …. (นางสาวเพ็ญโฉม แซ่ตั้ง กับประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวน 11,685 คน เป็นผู้เสนอ)

2. ร่างพระราชบัญญัติการรายงานการปล่อยและการเคลื่อนย้ายสารมลพิษสู่สิ่งแวดล้อม พ.ศ. ….(นางสาวกมนทรรศน์ กิตติสุนทรสกุล กับคณะ เป็นผู้เสนอ) และให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณา (กมธ.) 39 คน แปรญัตติใน 15 วัน โดยใช้ร่างพรรคประชาชน (สส. กมนทรรศน์ กิตติสุนทรสกุล กับคณะ เสนอ) เป็นร่างหลักในการพิจารณาวาระสอง โดยร่าง พ.ร.บ. ทั้ง 2 ฉบับ มีหลักการและเหตุผลในทำนองเดียวกันคือ ให้มีกฎหมายว่าด้วยการรายงานและเปิดเผยข้อมูลการปล่อยและเคลื่อนย้ายสารมลพิษ และเหตุผล เพื่อป้องกันและ #แก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมอันเกิดจากการปลดปล่อยและการเคลื่อนย้ายสารมลพิษสู่สิ่งแวดล้อม ทั้งในรูปของ #มลพิษทางอากาศ #น้ำเสีย #มลพิษในดิน และของเสียอันตรายอื่น ๆ จากการใช้สารเคมีในการผลิตทางอุตสาหกรรม การเกษตร และการบริการต่าง ๆ

ประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้มีมติรับหลักการร่างพระราชบัญญัติการรายงานการปลดปล่อยและเคลื่อนย้ายสารมลพิษสู่สิ่งแวดล้อม พ.ศ. …. (PRTR)

โดย กรมโรงงานฯ ร่วมประชุมกับคณะกรรมาธิการฯ ระหว่างวันที่ 3 – 29 ตุลาคม 2568 เพื่อให้ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะเชิงเทคนิคด้านสิ่งแวดล้อมและอุตสาหกรรมในการพิจารณารายมาตราของร่างพระราชบัญญัติฉบับดังกล่าว

เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2568 กมธ. ได้พิจารณารายมาตราพร้อมทั้งหลักการและเหตุผลเสร็จสิ้นแล้วครบทั้ง 40 มาตรา โดยร่างกฎหมายฉบับนี้มีสาระสำคัญเป็นการจัดให้มีฐานข้อมูลสำหรับการรายงานการปล่อยและการเคลื่อนย้ายสารมลพิษและสารเคมี พร้อมทั้งเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าวต่อสาธารณชนเพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลได้โดยง่าย โดยได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการรายงานการปล่อยและการเคลื่อนย้ายสารมลพิษ มีการกำหนดสัดส่วนของคณะกรรมการ คุณสมบัติ และที่มาของกรรมการไว้อย่างชัดเจน กรรมการเหล่านี้มีหน้าที่และอำนาจที่สำคัญในการพิจารณาให้ความเห็นชอบประกาศหลักเกณฑ์การรายงาน และมาตรการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานรัฐ เพื่อประโยชน์ในการจัดการให้มีฐานข้อมูลดังกล่าว พร้อมกำหนดให้ผู้มีหน้าที่ที่ต้องรายงานข้อมูลจะต้องรายงานชนิดและปริมาณการผลิต การมีไว้ในครอบครอง การปล่อยออกสู่สิ่งแวดล้อม และการเคลื่อนย้ายสารมลพิษและสารเคมีไปยังหน่วยงานที่กำกับดูแล เมื่อหน่วยงานที่กำกับดูแลรับทราบข้อมูลแล้ว จะรวบรวมข้อมูลเหล่านั้นส่งต่อให้กับกรมควบคุมมลพิษเพื่อเผยแพร่รายงานต่อไป

นอกจากนี้ ยังมีบทกำหนดโทษในกรณีที่ผู้ที่ต้องทำรายงานไม่จัดส่งรายงาน โดยจะเป็นการกำหนดมาตรการปรับเป็นพินัยแทนโทษทางปกครอง และอีกส่วนหนึ่งสำหรับการกำหนดโทษอาญาในกรณีที่ให้ข้อมูลเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริงที่ควรจะแจ้งให้สาธารณชนได้ทราบ

โดยหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบ คือ #กรมควบคุมมลพิษ ซึ่งมีหน้าที่และอำนาจในการจัดทำฐานข้อมูล ทำการประเมินความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพจากการปล่อยสารมลพิษ และเผยแพร่ข้อมูลการปล่อยและการเคลื่อนย้ายสารมลพิษและสารเคมีผ่านทางระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือช่องทางอื่นๆ เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงได้โดยสะดวก

#กรมโรงงานอุตสาหกรรม #DIW #PRTR #อุตสาหกรรมยั่งยืน

#สิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม #โปร่งใสด้านสิ่งแวดล้อม

#ปลอดภัยโปร่งใสยั่งยืน #GreenIndustry