วันที่ 14 สิงหาคม 2568 นายพรยศ กลั่นกรอง อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม สั่งการด่วนให้เจ้าหน้าที่กองบริหารจัดการกากอุตสาหกรรม ประสานกำลังกับเจ้าหน้าที่สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดฉะเชิงเทรา (สอจ.ฉะเชิงเทรา) และตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ลงพื้นที่เข้าตรวจสอบโรงงาน 2 แห่ง ของ บริษัท เค โอ เค รีไซเคิล แอนด์ เซอร์วิสส์ จำกัด ในอำเภอบางคล้าและอำเภอแปลงยาว จังหวัดฉะเชิงเทรา ภายหลังการจับกุมขบวนการลักลอบขนย้ายกากอุตสาหกรรมของกลางที่ยึดอายัดได้สำเร็จ และมีหลักฐานเชื่อมโยงการเคลื่อนย้ายของกลางดังกล่าวมาซุกซ่อนในโรงงานปลายทางแห่งนี้

การปฏิบัติการครั้งนี้เป็นผลสืบเนื่องจากชุดปฏิบัติการตรวจสุดซอยของกระทรวงอุตสาหกรรม หรือทีมสุดซอย ได้รับเบาะแสพฤติกรรมอุกอาจของโรงงาน บริษัท หัวไท่เซิงเหอ จำกัด ในตำบลศรีมหาโพธิ อำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) อยู่ระหว่างดำเนินคดีข้อหาครอบครองวัตถุอันตรายและลักลอบประกอบกิจการโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต ในคดีพิเศษที่ 69/2568 โดยเมื่อช่วงดึกวันที่ 13 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่และสื่อมวลชนพบของกลางที่เป็นวัตถุอันตรายซึ่งถูกยึดอายัดไว้ ทั้งชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ มอเตอร์ เครื่องทำความเย็น และเศษชิ้นส่วนอลูมิเนียม กำลังลักลอบขนย้ายไปยังโรงงาน บริษัท เค โอ เค รีไซเคิล แอนด์ เซอร์วิสส์ จำกัด จังหวัดฉะเชิงเทรา จึงเข้าสกัดจับรถกระบะ จำนวน 3 คันที่ใช้ในการขนย้ายไว้ได้สำเร็จ พร้อมจับกุมคนขับ 3 ราย ประกอบด้วย ชาวไทย ชาวจีน และชาวเมียนมา ต่างให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา 4 ข้อหา ได้แก่
- 1) ร่วมกันฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ พ.ร.บ.โรงงาน
- 2) ร่วมกันครอบครองวัตถุอันตรายโดยไม่ได้รับอนุญาต
- 3) ร่วมกันฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ พ.ร.บ.วัตถุอันตราย และ
- 4) ร่วมกันเอาไปเสีย หรือทำให้สูญหาย หรือไร้ประโยชน์ ซึ่งทรัพย์สินที่พนักงานยึดไว้
โดยผู้ต้องหาทั้งหมดถูกนำตัวไปควบคุมที่สถานีตำรวจภูธรระเบาะไผ่ จังหวัดปราจีนบุรี

ทั้งนี้ เมื่อลงพื้นที่ตรวจสอบ บริษัท เค โอ เค รีไซเคิล แอนด์ เซอร์วิสส์ จำกัด เป็นโรงงานประเภทลำดับ 105 ในตำบลเสม็ดเหนือ อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา พบว่า เจ้าของโรงงานซึ่งเป็นกรรมการบริษัทฯ ชาวไทย ได้ให้ชาวจีนเช่าพื้นที่บริเวณโรงงานเพื่อเก็บของ แม้จะไม่พบการประกอบกิจการขณะตรวจสอบ แต่พบร่องรอยการประกอบกิจการซึ่งไม่ตรงกับที่ได้รับอนุญาต อีกทั้งพบการกองเก็บวัสดุที่เป็นวัตถุอันตราย จำพวกอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ใช้แล้ว ชิ้นส่วนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เศษพลาสติก และเศษโลหะจากการคัดแยกอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งภายในและภายนอกอาคารโรงงานเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ ยังตรวจพบกองกากของเสียสีดำบรรจุอยู่ในถุงบิ๊กแบ็คภายในและนอกอาคาร เจ้าหน้าที่จึงเก็บตัวอย่างกากของเสียเพื่อนำไปตรวจวิเคราะห์

จากนั้น ลงพื้นที่ตรวจสอบ บริษัท เค โอ เค รีไซเคิล แอนด์ เซอร์วิสส์ จำกัด เป็นโรงงานประเภทลำดับ 53(5) ในตำบลแปลงยาว อำเภอแปลงยาว จังหวัดฉะเชิงเทรา ขณะเข้าตรวจสอบไม่พบการประกอบกิจการ แต่พบการติดตั้งเครื่องจักรและร่องรอยการประกอบกิจการซึ่งไม่ตรงกับที่ได้รับอนุญาต อีกทั้งพบการกองเก็บวัสดุที่เป็นวัตถุอันตราย จำพวกเศษสายไฟ อุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ใช้แล้ว ชิ้นส่วนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เศษเปลือกสายไฟจากการบดย่อย และร่อนแยก เศษพลาสติก และเศษโลหะจากการคัดแยกอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เจ้าหน้าที่จึงเก็บตัวอย่างเศษเปลือกสายไฟกากของเสียเพื่อนำไปตรวจวิเคราะห์

โดย บริษัท เค โอ เค รีไซเคิล แอนด์ เซอร์วิสส์ จำกัด ทั้ง 2 แห่ง มีความผิดในข้อหาตั้งและประกอบกิจการโรงงานลำดับที่ 106 โดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ. 2535 รวมถึงข้อหาครอบครองวัตถุอันตรายโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 และเจ้าหน้าที่จะแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมหากผลวิเคราะห์ตัวอย่างเข้าข่ายเป็นวัตถุอันตราย ซึ่งบริษัทฯ จะต้องให้แสดงหลักฐานแหล่งที่มาให้ชัดเจน พร้อมกันนี้ สอจ.ฉะเชิงเทรา ได้ยึดอายัดเครื่องบันทึกภาพจากกล้องวงจรปิด วัตถุดิบ ผลิตภัณฑ์ และกากของเสียทั้งหมด เพื่อรวบรวมเป็นหลักฐานประกอบการดำเนินคดีต่อไป


#กรมโรงงานอุตสาหกรรม #กรมโรงงาน #กรอ #DIW #MIND #กระทรวงอุตสาหกรรม #saveอุตสาหกรรมไทย #saveสิ่งแวดล้อม #ตรวจสุดซอย #ฉะเชิงเทรา
