นายพรยศ กลั่นกรอง อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม กำชับเจ้าหน้าที่ติดตามความคืบหน้าคดี “โรงงานเถื่อน บริษัท ภัชชาภิวัฒน์ จำกัด” แจกจ่ายดินปนเปื้อนเศษพลาสติกให้ประชาชน โดยสืบหาเบาะแสต่อเนื่องจนพบว่า “บริษัท กำปั่นทอง อินดัสทรี จำกัด” ในตำบลเขาหินซ้อน อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นแหล่งต้นตอเศษพลาสติกขยะอันตรายดังกล่าว และล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้ตรวจขยายผลพบหลักฐานเชื่อมโยงเพิ่มเติมไปยัง “บริษัท หย่งถัง ไทย จำกัด” ในตำบลหัวสำโรง อำเภอแปลงยาว จังหวัดฉะเชิงเทรา จึงมอบหมายให้เจ้าหน้าที่กองบริหารจัดการกากอุตสาหกรรม ในฐานะพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 ร่วมชุดปฏิบัติการตรวจสุดซอยของกระทรวงอุตสาหกรรม หรือทีมสุดซอย นำโดย นางสาวฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายสุรศักดิ์ จันทร์ชุม อุตสาหกรรมจังหวัดฉะเชิงเทรา (อสจ.ฉะเชิงเทรา) เจ้าหน้าที่สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) และตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ลงพื้นที่ตรวจสอบบริษัท หย่งถังฯ เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2568

บริษัท หย่งถัง ไทย จำกัด มีชาวจีนเป็นกรรมการบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานรีไซเคิล โดยบริษัทฯ นำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ มาคัดแยกเป็นเศษเหล็ก เศษทองแดง และเศษอลูมิเนียม เพื่อจำหน่ายทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ จากการตรวจสอบในครั้งนี้พบว่า บริษัทฯ ขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต ฝ่าฝืนคำสั่งสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดฉะเชิงเทรา (สอจ. ฉะเชิงเทรา) อีกทั้งตรวจพบเศษชิ้นส่วนเข้าข่ายเป็นวัตถุอันตราย อาทิ เศษเซลล์แบตเตอรี่ที่เป็นแผ่นทองแดงแกรไฟต์และเศษอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งไม่ตรงตามเงื่อนไขอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน เจ้าหน้าที่จึงยึดอายัดวัสดุสิ่งของที่เกี่ยวข้องทั้งหมด พร้อมแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาครอบครองวัตถุอันตรายโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ.2535 และการฝ่าฝืนคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ รวมถึงการไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขในใบอนุญาต โดย สอจ. ฉะเชิงเทรา จะกล่าวจะร้องทุกข์กล่าวโทษ รวมถึงจะเสนอปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมออกคำสั่งให้บริษัทฯ หยุดกิจการทั้งหมดต่อไป

สำหรับกรณีดินปนเปื้อนเศษพลาสติก ปรากฏว่า บริษัท หย่งถังฯ ติดต่อบริษัทแห่งหนึ่งในประเทศฮ่องกงให้เป็นนายหน้าจัดหาวัตถุดิบเศษโลหะจากประเทศญี่ปุ่น แล้วลักลอบนำเข้ามาคัดแยกในประเทศไทย หากเป็นเศษเหล็กจะส่งจำหน่ายต่อให้โรงหลอมเหล็กภายในประเทศ แต่หากเป็นเศษทองแดงและเศษอลูมิเนียมจะส่งกลับไปยังบริษัทต้นทางที่ประเทศฮ่องกง ซึ่งกระบวนการดังกล่าวจะเหลือเศษฝุ่น เศษพลาสติกหุ้มสายไฟบดย่อย และเศษขยะปนเปื้อนทิ้งเป็นกากอุตสาหกรรมไว้ในประเทศไทย

“สังเกตได้ว่า หลังจากที่สหรัฐอเมริกาประกาศมาตรการภาษี มีนักลงทุนชาวจีนทะลักเข้ามาในประเทศไทยเพื่อประกอบธุรกิจรีไซเคิลศูนย์เหรียญที่ผิดกฎหมายจำนวนมาก ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถตรวจติดตามและกำกับดูแลโรงงานรีไซเคิลได้อย่างทั่วถึง ทั้งนี้ ทีมสุดซอยจะเร่งเสนอให้รัฐมนตรีฯ เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ พิจารณาทบทวนการออกใบอนุญาตโรงงานรีไซเคิล เพื่อปราบปรามนักลงทุนข้ามชาติเหล่านี้ที่เข้ามาประกอบกิจการที่ไม่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศไทย อีกทั้งสร้างปัญหามลพิษกับสิ่งแวดล้อม ทำร้ายสุขภาพประชาชน อย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย” นางสาวฐิติภัสร์ กล่าว




#กรมโรงงานอุตสาหกรรม #กรมโรงงาน #กรอ #DIW #MIND #กระทรวงอุตสาหกรรม #saveอุตสาหกรรมไทย #saveสิ่งแวดล้อม #กากอุตสาหกรรม #หย่งถัง #ฉะเชิงเทรา
