นายพรยศ กลั่นกรอง อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม ได้รับแจ้งข้อมูลกรณีมีผู้พบเห็นรถบรรทุกลักลอบขนย้ายเศษยางนำเข้าจากโรงงานผลิตยางรถยนต์ในจังหวัดพระสีหนุ และเขตสนนูล จังหวัดกระแจะ ประเทศกัมพูชา ผ่านจุดผ่อนปรนชายแดน อำเภอตาพระยา จังหวัดสระแก้ว ปลายทางเป็นโรงงานรีไซเคิลในพื้นที่จังหวัดระยองและชลบุรี เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่กองบริหารจัดการกากอุตสาหกรรมและศูนย์วิจัยและเตือนภัยมลพิษโรงงานภาคตะวันออก ร่วมชุดปฏิบัติการตรวจสุดซอยของกระทรวงอุตสาหกรรม หรือทีมสุดซอย นำโดย นางสาวฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นางสาวศิริลักษณ์ วิศวรุ่งโรจน์ อุตสาหกรรมจังหวัดชลบุรี พันตำรวจเอก วิญญู แจ่มใส ผกก. 2 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงทันที

จากการลงพื้นที่โรงงานรีไซเคิลแห่งแรก “บริษัท ฟง หงษ์ หยวน เฮง รับเบอร์ จำกัด” ประกอบกิจการรีไซเคิลยาง ในตำบลพนานิคม อำเภอนิคมพัฒนา จังหวัดระยอง ผลการตรวจสอบพบอาคารโกดังลักษณะโล่ง มีร่องรอยคราบน้ำมันและการเคลื่อนย้ายเศษยางรถยนต์และเครื่องจักร แต่ไม่พบวัตถุดิบต้องสงสัย เมื่อเร่งตรวจค้นเพิ่มเติมพบข้อมูลรถบรรทุกขนย้ายเศษยางรถยนต์และเครื่องจักรออกจากโรงงาน เมื่อช่วงระหว่างวันที่ 19 – 25 พฤษภาคม 2568 จึงแกะรอยเบาะแสพบระบบนำทางด้วยดาวเทียม หรือ GPS นำไปสู่การเชื่อมโยงไปยังพื้นที่จังหวัดชลบุรี

เวลาต่อมา เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ขยายผลตรวจสอบโรงงาน “บริษัท โอรานไลต์ จำกัด” ในตำบลท่าบุญมี อำเภอเกาะจันทร์ จังหวัดชลบุรี วัตถุประสงค์ตอนจดทะเบียนประกอบกิจการบริการหั่น ตัด บด รีดยาง ซึ่งเคยเกิดเหตุเพลิงไหม้เมื่อต้นเดือนพฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา ขณะเข้าตรวจสอบพบว่าโรงงานกำลังลักลอบรีไซเคิลยางรถยนต์เก่า เข้าข่ายโรงงานลำดับที่ 106 เป็นการลักลอบประกอบกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาต และยังพบการประกอบกิจการอย่างผิดกฎหมาย โดยมีหญิงชาวไทยรายหนึ่งรับเป็นเจ้าของและเป็นกรรมการนิติบุคคล ทำหน้าที่ด้านการเงิน สารภาพว่ารับเงินโอนจากแฟนหนุ่มชาวจีนเพื่อนำมาจ่ายค่าสินค้าและบริการต่ออีกทอดหนึ่ง แฟนหนุ่มชาวจีนจะเป็นผู้ดำเนินการทั้งหมด ทั้งจัดหาวัตถุดิบ ประสานงานกับโรงงานอื่นและลูกค้า ทั้งนี้ ตำรวจ บก.ปทส. จึงจับกุมหญิงไทยรายดังกล่าวดำเนินคดี ณ สถานีตำรวจภูธรเกาะจันทร์ พร้อมบันทึกกล่าวหาความผิดตามกฎหมายว่าด้วยแรงงานในข้อหาเกี่ยวกับการว่าจ้างแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาร์ลักลอบหนีเข้ามาในประเทศไทย และทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน อีกทั้งความผิดตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน 3 ข้อหา ดังนี้
(1) ตั้งโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
(2) ประกอบกิจการโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
(3) ฝ่าฝืนคำสั่งพนักงานเจ้าหน้าที่ของสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดชลบุรี ตามมาตรา 37 วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ให้โรงงานระงับการกระทำที่ฝ่าฝืน และนำเศษวัสดุจากเพลิงไหม้ส่งบำบัด/กำจัด ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 16 มิถุนายน 2568 แต่โรงงานยังคงลักลอบประกอบกิจการ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ปรับอีกวันละไม่เกิน 5,000 บาท ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามให้ถูกต้อง

นอกจากนี้ จากการตรวจสอบพบเศษยางรถยนต์และยางรถยนต์ใช้แล้วกองเก็บภายในและภายนอกอาคารโกดังไม่มีวัสดุปกคลุมป้องกันน้ำฝน รวมจำนวนกว่า 5,000 ตัน บริษัทฯ ยอมรับว่าบางส่วนนำเข้ามาจากประเทศกัมพูชา บางส่วนนำเข้ามาจากประเทศเบลเยียมผ่านท่าเรือแหลมฉบัง และบางส่วนไม่สามารถชี้แจงที่มาได้ ซึ่งอาจเป็นสินค้าต้องห้ามนำเข้าตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้ยางรถยนต์ที่ใช้แล้วเป็นสินค้าที่ต้องห้ามหรือต้องขออนุญาตและต้องปฏิบัติตามมาตรการจัดระเบียบในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2556 อีกทั้งพบบ่อดินที่มีเศษยางและผงยางสีดำปนเปื้อนในน้ำ ลักษณะเป็นสีดำและสีน้ำตาล อาจเข้าข่ายเป็นของเสียอันตราย ตามบัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย พ.ศ. 2556 บัญชี 5.2 ของเสียเคมีวัตถุ เจ้าหน้าที่จึงยึดอายัดเครื่องจักร วัสดุ สิ่งของ และสิ่งอื่นที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยและเตือนภัยมลพิษโรงงานภาคตะวันออกได้เก็บตัวอย่างเพื่อนำไปตรวจ วัด วิเคราะห์ รวบรวมเป็นพยานหลักฐานในการตรวจสอบและพิสูจน์ข้อเท็จจริง เพื่อดำเนินคดีความผิดตามกฎหมายอาญาและกฎหมายอื่นต่อไป
“ผู้ประกอบการที่ครอบครองวัตถุอันตราย ถือเป็นการกระทำผิดกฎหมายและอาจสร้างผลกระทบต่อประชาชน กระทรวงอุตสาหกรรมจึงต้องเร่งมือผ่านความร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ในการตรวจ จับ และดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด เพื่อปราบปรามและกวาดล้างขบวนการเหล่านี้ให้หมดไปจากอุตสาหกรรมไทยโดยเร็ว” นางสาวฐิติภัสร์ กล่าว




#กรมโรงงานอุตสาหกรรม #กรมโรงงาน #กรอ #DIW #MIND #กระทรวงอุตสาหกรรม #saveอุตสาหกรรมไทย #saveสิ่งแวดล้อม #กากอุตสาหกรรม #ทีมสุดซอย #ตรวจสุดซอย #โรงงานรีไซเคิล #ยางรถยนต์ #ลักลอบนำเข้า #ระยอง #ชลบุรี
