นายพรยศ กลั่นกรอง อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม กำชับเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น ตามนโยบาย นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมสั่งการให้เจ้าหน้าที่กองบริหารจัดการกากอุตสาหกรรมและศูนย์วิจัยและเตือนภัยมลพิษโรงงานภาคตะวันออก ลงพื้นที่ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจสอบโรงงานของ บริษัท เมทัล เซ็นทรัล จำกัด ประเภทโรงงานลำดับที่ 64 ประกอบกิจการอัดเศษโลหะ ตัดเศษโลหะ ได้แก่ เศษเหล็ก อลูมิเนียม ทองแดง และสแตนเลส ในพื้นที่เขตปลอดอากร (Free Zone) ตำบลหนองเหียง อำเภอพนัสนินิคม จังหวัดชลบุรี ภายหลังได้รับการประสานจากกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ภายใต้การนำของ พลตำรวจตรี วัชรินทร์ พูสิทธิ์ ผู้บังคับการ บก.ปทส. มีข้อมูลเบาะแสจากประชาชนผ่านสายด่วน จึงสังเกตการณ์จนได้ข้อมูลหลักฐานเพียงพอ และขอหมายค้นจากศาลจังหวัดชลบุรีเข้าตรวจสอบการบังคับใช้กฎหมายร่วมกันอย่างบูรณาการ เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2568

การลงพื้นที่ในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม ร่วมชุดปฏิบัติการตรวจสุดซอยของกระทรวงอุตสาหกรรม หรือทีมสุดซอย นำโดย นางสาวฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วย พันตำรวจโท พงศ์อินทร์ อินทรขาว อดีตรองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะที่ปรึกษากรมสอบสวนคดีพิเศษ พันตำรวจเอก วิญญู แจ่มใส ผกก. 2 บก.ปทส. นางสาวศิริลักษณ์ วิศวรุ่งโรจน์ อุตสาหกรรมจังหวัดชลบุรี นายวุฒิ เร่งประดุงทอง ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากร ผู้แทนผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เจ้าหน้าที่ บก.ปทส. และหน่วยงานภูมิภาคที่เกี่ยวข้อง โดยนำหมายค้นจากศาลจังหวัดชลบุรีเข้าตรวจสอบ บริษัท เมทัล เซ็นทรัล จำกัด พบว่า บริษัทฯ จดแจ้งธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์พลาสติกสำเร็จรูป ซึ่งเป็นผู้ได้รับสิทธิใช้พื้นที่ภายในเขต Free Zone เพื่อประกอบกิจการ แต่กลับแบ่งอาคารโกดังจำนวน 4 หลัง ให้นักลุงทุนชาวจีนเช่าพื้นที่ตั้งโรงงาน และกระทำการขัดกฎหมายหลายฐานความผิดจริง ดังนี้

1) โรงงานของ บริษัท เบต้า แพ็คเกจ โปรดักส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผลิตกล่องและซองจดหมาย โดยตรวจพบข้อมูลขอใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน แต่ไม่ได้แจ้งประกอบกิจการ อีกทั้งพบการขยายกำลังเครื่องจักรเกินกว่าที่ได้รับอนุญาต ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดชลบุรี (สอจ.ชลบุรี) จึงยึดอายัดเครื่องจักร พร้อมสั่งการให้บริษัทฯ ระงับการประกอบกิจการทั้งหมด และดำเนินคดีในข้อหาลักลอบประกอบกิจการ

2) โรงงานของ บริษัท แคท เมทัล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน โดยตรวจพบการว่าจ้างแรงงานข้ามชาติลักลอบหนีเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย จำนวน 14 ราย ให้คัดแยกอลูมิเนียมปนเปื้อนเศษแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ เศษพลาสติก เศษยาง และฝุ่น ซึ่งผู้แทนบริษัทฯ แจ้งว่าอลูมิเนียมที่คัดแยกไว้เหล่านี้จะจำหน่ายส่งต่อไปประเทศจีน ส่วนเศษแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ยังไม่สามารถระบุปลายทางได้ ขณะที่เศษพลาสติก เศษยาง และฝุ่น จะถูกนำมาบดย่อยบรรจุถุงบิ๊กแบ็คกองเก็บไว้ด้านหลังโรงงาน นอกจากนี้ ยังตรวจพบการลักลอบต่อท่อระบายน้ำเสียโดยตรงออกนอกโรงงานไปยังแหล่งน้ำสาธารณะ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ สอจ.ชลบุรี จึงยึดอายัดขยะปนเปื้อนดังกล่าว จำนวนรวมกว่า 1,600 ตัน พร้อมสั่งหยุดประกอบกิจการทั้งหมดทันที และดำเนินคดีกับบริษัท เมทัล เซ็นทรัล จำกัด ในฐานะเจ้าของอาคารโกดัง และบริษัท แคท เมทัล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ในฐานะผู้นำเข้า ในข้อหาตั้งและประกอบกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาต รวมถึงข้อหาครอบครองวัตถุอันตรายโดยไม่ได้รับอนุญาต อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยและเตือนภัยมลพิษโรงงานภาคตะวันออกได้เก็บตัวอย่างน้ำเสียและเศษพลาสติก/เศษยางบดย่อยในถุงบิ๊กแบ็ค เพื่อนำไปตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการ หากพบว่ามีการปนเปื้อนค่าโลหะหนักก็จะดำเนินคดีเพิ่มเติมต่อไป

สำหรับกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง กรมศุลกากรซึ่งดูแลพื้นที่ปลอดอากรได้สั่งระงับการนำเข้าสินค้าในพื้นที่ปลอดอากรของ บริษัท เมทัล เซ็นทรัล จำกัด ในทันที ด้านตำรวจตรวจคนเข้าเมืองได้ดำเนินการจับกุมแรงงานข้ามชาติเพื่อดำเนินคดีและผลักดันแรงงานออกนอกประเทศ พร้อมดำเนินคดีกับนายจ้างในข้อหาฝ่าฝืนกฎหมายจ้างแรงงานลักลอบหนีเข้าเมืองอย่างโดยไม่มีใบอนุญาต ขณะที่องค์การบริหารส่วนตำบลหนองเหียง ในฐานะเจ้าของพื้นที่ ได้สั่งระงับการปล่อยน้ำเสียและดำเนินคดีตามกฎหมายว่าด้วยสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม

“การใช้พื้นที่ Free Zone หรือเขตปลอดอากร ที่มีสิทธิประโยชน์ทางภาษีในการได้รับยกเว้นภาษีทั้งนำเข้า-ส่งออก เพื่อประโยชน์ทางอากรศุลกากรต่อกิจการที่เป็นประโยชน์แก่เศรษฐกิจของประเทศไทย แต่ไม่ได้หมายความว่ามีสิทธิ์ฝ่าฝืนข้อยกเว้นกฎหมาย ซึ่งบริษัทข้ามชาติที่กระทำความผิดก็เข้าข่าย “อุตสาหกรรมศูนย์เหรียญ” ไม่ก่อเกิดประโยชน์ ทั้งยังสร้างมลพิษ ทำลายทรัพยากรสิ่งแวดล้อม ต้องดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด และปราบปรามกวาดล้างให้หมดจากประเทศไทยโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมได้ให้นโยบายเป็นหลักปฏิบัติไว้แล้วว่า จะต้องใช้อำนาจตามกฎหมายสั่งหยุดการประกอบการที่ผิดกฎหมายหรือก่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนในทันที รวมถึงเร่งดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด พร้อมขยายผลถึงการกระทำความผิดอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายในเขต Free Zone ไม่ให้มีการลักลอบกระทำความผิด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ว่าอุตสาหกรรมไทยจะเติบโตควบคู่ชุมชนและการรักษาสิ่งแวดล้อม” นางสาวฐิติภัสร์ กล่าว



#กรมโรงงานอุตสาหกรรม #กรมโรงงาน #กรอ #DIW #MIND #กระทรวงอุตสาหกรรม #saveอุตสาหกรรมไทย #saveสิ่งแวดล้อม #กากอุตสาหกรรม #ทีมสุดซอย #ตรวจสุดซอย #FreeZone #เขตปลอดอากร #ชลบุรี
