You are currently viewing อธิบดีกรมโรงงานฯ สั่ง จนท. ร่วมทีมสุดซอย บุกจับโรงงานรีไซเคิลผีในชลบุรี ยึดวัตถุอันตราย 550,000 กิโลกรัม ขยายผลถึง DSI จ่อฟันโทษทั้งจำทั้งปรับ

นายพรยศ กลั่นกรอง อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม ตระหนักถึงความเดือดร้อนของประชาชน หลังได้รับเสียงร้องเรียนเกี่ยวกับข้อกังวลจากผลกระทบการประกอบกิจการโรงงานในพื้นที่จังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2568 จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่กองบริหารจัดการกากอุตสาหกรรม และศูนย์วิจัยและเตือนภัยมลพิษโรงงานภาคตะวันออก ในฐานะพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ร่วมชุดปฏิบัติการตรวจสุดซอยของกระทรวงอุตสาหกรรม หรือทีมสุดซอย นำโดย นางสาวฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และเจ้าหน้าที่สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดชลบุรี เร่งลงพื้นที่โรงงานรีไซเคิลในจังหวัดชลบุรี จำนวน 3 แห่ง เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงทันที

เจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม ร่วมทีมสุดซอย และเจ้าหน้าที่สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดชลบุรี เร่งลงพื้นที่โรงงานรีไซเคิลในจังหวัดชลบุรี จำนวน 3 แห่ง
เจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม ร่วมทีมสุดซอย และเจ้าหน้าที่สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดชลบุรี เร่งลงพื้นที่โรงงานรีไซเคิลในจังหวัดชลบุรี จำนวน 3 แห่ง

เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่โรงงานของ “บริษัท เจี๋ยเซ่ง พลาสติก จำกัด” และ “บริษัท ติงซิ่ง (ไทย-จีน) เมทัล จำกัด” ตั้งอยู่บริเวณพื้นที่เดียวกัน ในตำบลหนองรี อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี ตรวจสอบพบว่าทั้ง 2 แห่ง เป็นโรงงานของนายทุนจีนถือหุ้นร่วมกับคนไทย มีการประกอบกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาต

โดย บริษัท เจี๋ยเซ่งฯ มีใบอนุญาตประกอบกิจการผลิตเม็ดพลาสติก บด ย่อย พลาสติก ทำผลิตภัณฑ์จากพลาสติก อัดเศษโลหะ อัดกระดาษ ทำยางแผ่น รวมทั้งคัดแยกวัสดุที่ไม่ใช้แล้วที่ไม่เป็นของเสียอันตราย แต่จากการตรวจสอบพบว่าโรงงานมีประกอบกิจการไม่ถูกต้องตามที่ได้รับอนุญาต เจ้าหน้าที่จึงเก็บตัวอย่างของแข็งและของเหลวรวม 5 ตัวอย่าง พร้อมยึดอายัดเครื่องจักรที่ใช้ในการประกระกอบกิจการบดย่อยโลหะ และวัตถุต้องสงสัยซึ่งคาดว่าเป็นชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้แล้ว จำนวน 300 ตัน

ส่วน บริษัท ติงซิ่งฯ ไม่พบข้อมูลการขอรับใบอนุญาต แต่มีการลักลอบติดตั้งเครื่องจักรและประกอบกิจการบด ล้าง ร่อน จำพวกเศษพลาสติกและเศษโลหะ นอกจากนี้ยังตรวจพบร่องรอยการนำเศษพลาสติกบดย่อยมาถมดินข้างบ่อน้ำภายในโรงงาน ซึ่งอาจก่อให้เกิดการปนเปื้อนของสารโลหะหนักในดินและแหล่งน้ำ เป็นอันตรายต่อประชาชนพื้นที่ใกล้เคียง เจ้าหน้าที่จึงเก็บตัวอย่างของแข็งและของเหลวรวม 14 ตัวอย่าง พร้อมยึดอายัดเครื่องจักรและเศษวัสดุที่ปะปนด้วยชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และเศษสิ่งของไม่สามารถระบุชนิด จำนวน 250 ตัน อีกทั้งสั่งการให้เร่งเก็บเศษวัสดุที่กองอยู่นอกอาคารนำเข้าไว้ในอาคารอาคารเพื่อป้องกันการชะล้างของน้ำฝน

 “บริษัท เจี๋ยเซ่ง พลาสติก จำกัด” และ “บริษัท ติงซิ่ง (ไทย-จีน) เมทัล จำกัด” ตั้งอยู่บริเวณพื้นที่เดียวกัน ในตำบลหนองรี อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี ตรวจสอบพบว่าทั้ง 2 แห่ง เป็นโรงงานของนายทุนจีนถือหุ้นร่วมกับคนไทย มีการประกอบกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาต
“บริษัท เจี๋ยเซ่ง พลาสติก จำกัด” และ “บริษัท ติงซิ่ง (ไทย-จีน) เมทัล จำกัด” ตั้งอยู่บริเวณพื้นที่เดียวกัน ในตำบลหนองรี อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี ตรวจสอบพบว่าทั้ง 2 แห่ง เป็นโรงงานของนายทุนจีนถือหุ้นร่วมกับคนไทย มีการประกอบกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาต

นางสาวฐิติภัสร์ เปิดเผยว่า รัฐมนตรีฯ เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ มีนโยบายเร่งรัดจัดการกับโรงงานรีไซเคิลเถื่อนที่ลักลอบประกอบกิจการอย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งกรณีข้างต้นได้มอบหมายให้สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดชลบุรี (สอจ.ชลบุรี) แจ้งความต่อสถานีตำรวจภูธรเมืองชลบุรีดำเนินคดีกับทั้ง 2 บริษัทแล้ว รวม 3 ข้อหา ดังนี้

1) ตั้งโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต โทษจำคุก 2 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

2) ประกอบกิจการโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต โทษจำคุก 2 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

3) ครอบครองวัตถุอันตราย โทษจำคุก 2 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ทั้งนี้ วัตถุอันตรายที่ตรวจพบและยึดอายัดจาก 2 บริษัท มีจำนวนรวมกว่า 550 ตัน ซึ่งเป็นปริมาณของกลางจำนวนมาก กระทรวงอุตสาหกรรมจึงส่งมอบข้อมูลให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) พิจารณาสืบสวนสอบสวน เพื่อขยายผลเครือข่ายการลักลอบนำเข้าตามกระบวนการทางกฎหมาย

วัตถุอันตรายที่ตรวจพบและยึดอายัดจาก 2 บริษัท มีจำนวนรวมกว่า 550 ตัน ซึ่งเป็นปริมาณของกลางจำนวนมาก กระทรวงอุตสาหกรรมจึงส่งมอบข้อมูลให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) พิจารณาสืบสวนสอบสวน เพื่อขยายผลเครือข่ายการลักลอบนำเข้าตามกระบวนการทางกฎหมาย
วัตถุอันตรายที่ตรวจพบและยึดอายัดจาก 2 บริษัท มีจำนวนรวมกว่า 550 ตัน ซึ่งเป็นปริมาณของกลางจำนวนมาก กระทรวงอุตสาหกรรมจึงส่งมอบข้อมูลให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) พิจารณาสืบสวนสอบสวน เพื่อขยายผลเครือข่ายการลักลอบนำเข้าตามกระบวนการทางกฎหมาย

จากนั้นเวลาต่อมา เจ้าหน้าที่เดินทางลงพื้นที่ไปยัง บริษัท ชัยเมธี จำกัด ในตำบลหนองหงส์ อำเภอพานทอง จังหวัดชลบุรี ประกอบกิจการคัดแยกสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วที่ไม่เป็นอันตรายและทำเม็ดพลาสติก แต่เมื่อตรวจสอบพบว่าโรงงานประกอบกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาต มีการลักลอบรับจ้างบด ย่อย ร่อน เศษสายไฟ เพื่อแยกทองแดง รวมทั้งมีการนำกากตะกรันจากเตาหลอมโลหะมาบด ย่อย และร่อนแยกทองออกจากทองแดง เพื่อนำทองแดงที่ได้ไปจำหน่ายต่อ ส่วนกากที่เหลือส่งขายให้บริษัทอื่นไปบดย่อย ซึ่งสอบถามข้อมูลจากผู้นำตรวจทราบว่านำวัตถุดิบมาจากโรงงานในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา นอกจากนี้ยังตรวจพบการกองเก็บวัตถุดิบและสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วภายนอกอาคารโรงงาน อีกทั้งพบการระบายน้ำโดยไม่ผ่านระบบบำบัดออกจากโรงงานปล่อยลงสู่บ่อดินด้นหลังโรงงานอีกด้วย เจ้าหน้าที่จึงเก็บตัวอย่างของแข็ง 8 ตัวอย่าง และของเหลวในบ่อดิน 2 ตัวอย่าง พร้อมยึดอายัดเครื่องจักรและวัตถุดิบสิ่งของที่ใช้ในการประกอบกิจการ โดยหลังจากนี้ สอจ.ชลบุรี จะออกคำสั่งให้ปรับปรุงแก้ไขการประกอบกิจการให้เป็นไปตามเงื่อนไขการอนุญาต พร้อมดำเนินคดีตามความผิดข้อหาตั้งและประกอบกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาต

บริษัท ชัยเมธี จำกัด ในตำบลหนองหงส์ อำเภอพานทอง จังหวัดชลบุรี มีตามความผิดข้อหาตั้งและประกอบกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาต
บริษัท ชัยเมธี จำกัด ในตำบลหนองหงส์ อำเภอพานทอง จังหวัดชลบุรี มีตามความผิดข้อหาตั้งและประกอบกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาต
เจ้าหน้าที่เก็บตัวอย่างของแข็ง
เจ้าหน้าที่เก็บตัวอย่างของแข็ง
เจ้าหน้าที่จึงเก็บตัวอย่างของเหลว
เจ้าหน้าที่จึงเก็บตัวอย่างของเหลว

กรมโรงงานอุตสาหกรรมมุ่งมั่นดำเนินงานตามนโยบายของกระทรวงอุตสาหกรรมอย่างเข้มงวด ที่เน้นการป้องกันและปราบปรามโรงงานที่กระทำผิดกฎหมาย โดยการลงพื้นที่ตรวจสอบในครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งกรณีตัวอย่างในการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง และหลังจากนี้จะเร่งติดตามขยายผลเชื่อมโยงเครือข่ายบริษัทหรือโรงงานที่คาดว่าน่าจะมีความเกี่ยวข้อง เพื่อกวาดล้างเอาผิดถึงต้นตอต่อไป

#กรมโรงงานอุตสาหกรรม #กรมโรงงาน #กรอ #DIW #MIND #กระทรวงอุตสาหกรรม #saveอุตสาหกรรมไทย #saveสิ่งแวดล้อม #ขยะอิเล็กทรอนิกส์ #กากอุตสาหกรรม #ทีมสุดซอย #ตรวจสุดซอย