วันที่ 14 พฤษภาคม 2568 เวลา 15.00 น. กรมโรงงานอุตสาหกรรม ร่วมกับ กรมศุลกากร แถลงข่าวการตรวจยึดเศษขยะอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งจัดเป็นวัตถุอันตรายนำเข้าจากต่างประเทศอย่างผิดกฎหมาย น้ำหนักรวม 238 ตัน มูลค่ากว่า 18 ล้านบาท ณ สำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ กรมศุลกากร
นายธีรัชย์ อัตนวานิช อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ (13 พฤษภาคม 2568) สำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ กรมศุลกากร ร่วมกับ ทีมสุดซอยกระทรวงอุตสาหกรรมและกรมโรงงานอุตสาหกรรม ดำเนินการตรวจสอบตู้สินค้านำเข้าประเทศต้นทางจากสหรัฐอเมริกา สำแดงในใบขนส่งสินค้าขาเข้าเป็นเศษอลูมิเนียมยังไม่คัดแยก (Mix Metal Scarp) จำพวกอลูมิเนียม ทองแดง และเหล็ก มูลค่าสำแดง 519,278.18 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 17,592,261.97 บาท น้ำหนักสุทธิ 238,201 กิโลกรัม บรรจุในตู้คอนเทนเนอร์ขนาด 40 ฟุต จำนวน 10 ตู้ ผลการตรวจสอบพบว่าเป็นการสำแดงเท็จ โดยสินค้าเข้าข่ายเป็นเศษขยะอิเล็กทรอนิกส์ น้ำหนักตรงตามสำแดง จัดเป็นของเสียอันตรายภายใต้อนุสัญญาบาเซลว่าด้วยการควบคุมการเคลื่อนย้ายข้ามแดนของของเสียอันตรายและการกำจัด (Basel Convention on the Control of Transboundary Movements of Hazardous Wastes and Their Disposal)

กรมศุลกากรรับนโยบายรัฐบาล ทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเฝ้าระวังการลักลอบนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งกรณีนี้เป็นการนำของที่ผ่านหรือกำลังผ่านพิธีการศุลกากรเข้ามาในราชอาณาจักร โดยหลีกเลี่ยงข้อห้าม ข้อจำกัด ด้วยการสำแดงชนิดของและประเภทพิกัดเป็นเท็จ เป็นความผิดฐานสำแดงเท็จหลีกเลี่ยงข้อห้าม ข้อจำกัด ตามมาตรา 202 มาตรา 244 ประกอบมาตรา 252 แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 ประกอบประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้ขยะอิเล็กทรอนิกส์เป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2563 และประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง บัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย พ.ศ. 2556 บัญชีที่ 5.2 ของเสียเคมีวัตถุ ลำดับที่ 2.18 และอนุสัญญาบาเซลฯ

นายสุนทร แก้วสว่าง รองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนได้รับมอบหมายจากนายพรยศ กลั่นกรอง อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม ร่วมแถลงผลการตรวจสอบในวันนี้ โดยสินค้าที่ตรวจพบนำเข้าโดยบริษัทเอกชนรายหนึ่งในจังหวัดสมุทรสาคร เป็นพวกเศษอลูมิเนียม เศษสายไฟใช้แล้ว และเศษแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ไม่ได้ ปะปนกองอยู่ในตู้สินค้า เข้าข่ายเป็นของเสียเคมีวัตถุ (Chemical Wastes) ที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมรับผิดชอบ ต้องขออนุญาตนำเข้าและต้องดำเนินการตามขั้นตอนอนุสัญญาบาเซลฯ อีกทั้งการนำเข้าจากต่างประเทศมาใช้เป็นวัตถุดิบในโรงงานยังมีลักษณะขัดต่อประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดชนิดและแหล่งกำเนิดวัตถุดิบที่จะนำมาใช้ในโรงงาน พ.ศ. 2563 อีกด้วย

“การเคลื่อนย้ายของเสียอันตรายข้ามแดนและยังไม่ได้รับความยินยอมจากประเทศปลายทาง ถือเป็นการเคลื่อนย้ายข้ามแดนแบบผิดกฎหมายภายใต้อนุสัญญาบาเซลฯ โดยหลังจากนี้ กรมโรงงานอุตสาหกรรมในฐานะหน่วยงานผู้มีอำนาจ (Competent Authority) ตามอนุสัญญาบาเซลฯ ของราชอาณาจักรไทย จะดำเนินการแจ้งและส่งคืน (Return Shipment) ตู้สินค้ากลับไปยังประเทศผู้ส่งออกต้นทางในทันที พร้อมตรวจสอบโรงงานที่นำเข้าเพื่อดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยโรงงานและกฎหมายว่าด้วยวัตถุอันตราย อย่างไรก็ตาม กรมโรงงานอุตสาหกรรมพร้อมสนับสนุนความร่วมมือกับกรมศุลกากร ในการเฝ้าระวังและป้องกันการนำเข้าของเสียอันตรายอย่างผิดกฎหมาย เพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน” นายสุนทร กล่าว



#กรมโรงงานอุตสาหกรรม #กรมโรงงาน #กรอ #DIW #MIND #กระทรวงอุตสาหกรรม #saveอุตสาหกรรมไทย #saveสิ่งแวดล้อม #ขยะอิเล็กทรอนิกส์ #กรมศุลกากร #แถลงข่าว #กากอุตสาหกรรม
