You are currently viewing กรมโรงงานลุยตรวจความพร้อมโรงงานเผาขยะติดเชื้อ เร่งแก้ขยะสะสม

นายวันชัย พนมชัย อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้นายภัทรพล ลิ้มภักดี ผู้อำนวยการ กองบริการงานอนุญาตโรงงาน 2 ลงพื้นที่จังหวัดระยอง เร่งดำเนินการตรวจสอบความพร้อมของโรงงานที่ได้ยื่นขอความเห็นชอบการนำขยะติดเชื้อมาเป็นเชื้อเพลิงในเตาเผาของโรงงานเป็นการชั่วคราวอย่างต่อเนื่อง โดยได้ไปตรวจสอบการนำขยะติดเชื้อมาเป็นเชื้อเพลิงของบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นโรงงานลำดับที่ 88 ประกอบกิจการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากเชื้อเพลิง RDF  (Refuse Derived Fuel) ขนาดกำลังการผลิต 9.8 เมกะวัตต์ มีศักยภาพในการรับขยะติดเชื้อมากำจัดได้ในปริมาณ 10 ตัน/วัน เป็นระยะเวลา 6 เดือน จะเริ่มรับขยะติดเชื้อมากำจัดได้หลังได้รับความเห็นชอบจาก กรอ. ซึ่งคาดว่าจะได้รับอนุญาตภายในสัปดาห์นี้

นายวันชัย กล่าวต่ออีกว่า กรอ. ได้ให้ความเห็นชอบโรงงานลำดับที่ 102 เมื่อวันที่ 15 .. ที่ผ่านมา รับขยะติดเชื้อมากำจัดได้ปริมาณ 350 ตัน/วัน และยังคงเร่งเดินหน้าสนับสนุนให้โรงงานอุตสาหกรรมใช้ศักยภาพเตาเผาที่เป็นส่วนหนึ่งของกิจการโรงงานเข้ามาช่วยกำจัดขยะติดเชื้อที่ตกค้างอยู่เป็นจำนวนมาก คาดว่าจะสามารถช่วยแก้ไขปัญหาขยะติดเชื้อสะสมในประเทศที่ตกค้างกว่า 92.87 ตันต่อวันได้โดยเร็ว

ทั้งนี้ ตามมติ ครม. ที่ให้ อก. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันแก้ไขปัญหาขยะติดเชื้อสะสม โดย อก. ลงนามในประกาศ เมื่อวันที่ 8 .. 2564 เรื่อง นโยบายการนำมูลฝอยติดเชื้อมาเป็นเชื้อเพลิงในเตาเผาของโรงงานเป็นการชั่วคราวภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโคโรนา-2019 (โควิด-19) ซึ่งประกาศดังกล่าวสนับสนุนให้โรงงานตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน 3 ประเภท ได้แก่ 1. โรงงานลำดับที่ 88 (2) เฉพาะโรงงานผลิตไฟฟ้าจากขยะชุมชนหรือขยะอุตสาหกรรม หรือแบบผสมผสานทั้งแบบเผาตรง และใช้เชื้อเพลิง RDF (Refuse Derived Fuel) 2. โรงงานลำดับที่ 101 เฉพาะโรงปูนซีเมนต์และโรงงานกำจัดของเสียเฉพาะที่กำจัดโดยกระบวนการเผา 3. โรงงานลำดับที่ 102 เฉพาะโรงงานประกอบกิจการเกี่ยวกับการผลิต และหรือจำหน่ายไอน้ำ (Steam Generating) ที่ใช้เชื้อเพลิงขยะชุมชนหรือขยะอุตสาหกรรมหรือแบบผสมผสานทั้งแบบเผาตรงและใช้เชื้อเพลิง RDF (Refuse Derived Fuel) สามารถขอความเห็นชอบตามกฎหมายเพื่อนำขยะติดเชื้อมาเป็นเชื้อเพลิงในเตาเผาของโรงงานเป็นการชั่วคราวทั้งในและนอกนิคมอุตสาหกรรม