วันที่ 28 สิงหาคม 2568 เวลา 09.00 น. นายพรยศ กลั่นกรอง อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม มอบหมายให้ นายวริทธิ์ สมทรง ผู้อำนวยการกลุ่มจัดการกากอุตสาหกรรม 1 กองบริหารจัดการกากอุตสาหกรรม เป็นผู้แทนกรมโรงงานอุตสาหกรรม ร่วมเป็นวิทยากรบรรยายความรู้ให้แก่เจ้าหน้าที่กรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ภายใต้ “โครงการจัดฝึกอบรมการเสริมสร้างศักยภาพเจ้าพนักงานควบคุมมลพิษด้านการตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมายสิ่งแวดล้อม ประจำปี พ.ศ. 2568” หลักสูตร: เสริมสร้างสมรรถนะเจ้าพนักงานควบคุมมลพิษด้านการตรวจสอบ บังคับใช้กฎหมาย และการจัดการเรื่องร้องเรียนด้านมลพิษ เพื่อส่งเสริมความรู้ความเข้าใจและทักษะที่จำเป็นต่อการปฏิบัติหน้าที่อย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยมี นายยุทธชัย สาระไทย ผู้อำนวยการกองตรวจมลพิษ กรมควบคุมมลพิษ เป็นประธานเปิดอบรม ร่วมด้วย เจ้าพนักงานควบคุมมลพิษ กรมควบคุมมลพิษ ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค เข้าร่วมอบรม ณ ห้องประชุม 202 อาคารกรมควบคุมมลพิษ และผ่านระบบออนไลน์

กรมโรงงานอุตสาหกรรม บรรยายในหัวข้อ “แนวทางการตรวจสอบโรงงานและบังคับใช้กฎหมายในการควบคุมมลพิษจากกากอุตสาหกรรม” โดยแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์ด้านการปฏิบัติงานลงพื้นที่ตรวจสอบโรงงานและการบังคับใช้กฎหมายแบบเต็มรูปแบบ ซึ่งหากพบการกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน กฎหมายว่าด้วยวัตถุอันตราย และกฎหมายอื่น พนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกระบวนการขั้นตอน 3 รูปแบบ ดังนี้
- รูปแบบที่ 1: การออกคำสั่งทางปกครอง
สั่งการให้โรงงานระงับการกระทำที่ฝ่าฝืน หรือสั่งให้หยุดการประกอบกิจการโรงงาน หรือออกคำสั่งปิดโรงงาน ซึ่งเป็นการใช้อำนาจตามมาตรา 37 หรือมาตรา 39 แห่งพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ.2535 ทั้งนี้ หากพบว่าการกระทำความผิดมีความเกี่ยวข้องกับวัตถุอันตราย จะใช้อำนาจตามมาตรา 52 หรือมาตรา 52/1 หรือมาตรา 52/2 แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ.2535 ควบคู่ไปด้วย ตามหลักการป้องกันล่วงหน้า (Precautionary Principle)
- รูปแบบที่ 2: การดำเนินคดีทางอาญา
กรณีตรวจพบการกระทำความผิดเกิดขึ้นแล้ว เช่น ลักลอบปล่อยน้ำเสีย ลักลอบฝังกลบกากอุตสาหกรรม จะดำเนินคดีอาญาอย่างเด็ดขาด โดยใช้กระบวนการยุติธรรมทางอาญาแบบปกติ คือ การร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน และส่งสำนวนให้พนักงานอัยการพิจารณาส่งฟ้องศาล ซึ่งปัจจุบันมีคำพิพากษาที่เป็นกรณีตัวอย่างในหลายพื้นที่ ที่เป็นการฟ้องคดีอาญาในความผิดตามพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ.2535 พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ.2535 และประมวลกฎหมายอาญา เช่น คดีข้อหาการเจือปนสารพิษลงในแหล่งน้ำที่ประชาชนใช้ในการอุปโภคบริโภค ตามมาตรา 228 และมาตรา 237
- รูปแบบที่ 3: การฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายทางแพ่ง
ปัจจุบันมีหลายคดีที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมดำเนินคดีอาญาต่อผู้กระทำความผิด ก็จะพิจารณาฟ้องเป็นคดีแพ่ง(คดีแพ่งเกี่ยวเนื่องคดีอาญา) ไปพร้อมกันด้วย โดยฟ้องเป็นคดีละเมิด ตามหลักความรับผิดแบบเคร่งครัด (Strict Liability) และหลักผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่าย (Polluter Pays Principle) ตามมาตรา 96 และมาตรา 97 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.2535

สำหรับกรณีตัวอย่างที่กระทรวงอุตสาหกรรมบูรณาการทำงานร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในการลงพื้นที่ตรวจสอบและร่วมกันบังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มรูปแบบ เช่น
(1) บริษัท แวกซ์ กาเบ็จ รีไซเคิล เซ็นเตอร์ จำกัด ในตำบลรางบัว อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี
(2) บริษัท เอกอุทัย จำกัด (สาขาอุทัย) ในตำบลสามบัณฑิต อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
(3) บริษัท วิน โพรเสส จำกัด ในตำบลบางบุตร อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง

พร้อมกันนี้ กรมโรงงานอุตสาหกรรมได้ร่วมแจ้งแนวทางการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง สำหรับใช้เป็นมาตรการในระยะยาว เพื่อแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการกระทำความผิดที่เกิดขึ้น โดยเสนอให้เพิ่มบทกำหนดโทษทางอาญาเกี่ยวกับความผิดด้านมลพิษต่าง ๆ ทั้งโทษจำคุก และเพิ่มโทษปรับทางอาญาให้สูงขึ้นเพื่อให้เกิดความเกรงกลัวต่อการกระทำความผิด รวมทั้งเสนอให้ดำเนินการจัดตั้งกองทุน การวางหลักประกัน และการจัดทำประกันภัย เพื่อเป็นแหล่งเงินทุนที่จะนำมาใช้ในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที แล้วจึงฟ้องเรียกคืนค่าใช้จ่ายทั้งหมดจากผู้กระทำความผิด นอกจากนี้ อาจเสนอให้นำกฎหมายว่าด้วยโรงงานและกฎหมายว่าด้วยวัตถุอันตรายเป็นกฎหมายที่เป็นความผิดมูลฐานโดยตรงในกฎหมายฟอกเงิน เพื่อให้การดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นต่อไป

ภาพ: กรมควบคุมมลพิษ
#กรมโรงงานอุตสาหกรรม #กรมโรงงาน #กรอ #DIW #MIND #กระทรวงอุตสาหกรรม #saveอุตสาหกรรมไทย #saveสิ่งแวดล้อม #กรมควบคุมมลพิษ
