วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 09.30 น. นายพรยศ กลั่นกรอง อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม นายสุนทร แก้วสว่าง รองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม และนางสาวนวพร สงวนหมู่ ผู้อำนวยการกองบริหารจัดการกากอุตสาหกรรม ร่วมปฏิบัติการทีมตรวจสุดซอยของกระทรวงอุตสาหกรรม นำโดย นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และนางสาวฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วย นายนริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ตำรวจสอบสวนกลาง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจสอบอาคารโกดังเก็บพลาสติกรีไซเคิลในตำบลยกกระบัตร อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร ที่เกิดเหตุเพลิงไหม้เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา เพื่อติดตามการแก้ไขปัญหากรณีพบกองเศษสายไฟและเศษสายไฟบดย่อยแล้ว กว่า 4,000 ตัน

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงพบเป็นการลักลอบนำเข้าของเสียจำพวกสายไฟเก่าของเถื่อนจากต่างประเทศโดยไม่ผ่านขั้นตอนการแจ้งขอความยินยอมล่วงหน้า นำมาผ่านกระบวนการคัดแยกโลหะมีค่าและบดบ่อย ผลิตเม็ดพลาสติกเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ด้อยคุณภาพ ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน มอก. เพื่อลดต้นทุนให้ได้สินค้าราคาถูก แข่งขันตลาดธุรกิจภาคอุตสาหกรรมภายในประเทศ ตรวจสอบเบื้องต้นมีมูลค่ารวมกว่า 1,000 ล้านบาท อีกทั้งยังเป็นการสร้างมลภาวะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สุขภาพ และสุขอนามัยของประชาชน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างกระบวนการพิสูจน์ตรวจสอบหาต้นตอที่มาของการนำเข้า เนื่องจากประเทศไทยห้ามนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ และห้ามนำขยะอิเล็กทรอนิกส์เข้ามาเป็นวัตถุดิบในโรงงาน ตั้งแต่ ปี 2563 ตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้ขยะอิเล็กทรอนิกส์เป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2563 และประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดชนิดและแหล่งกำเนิดวัตถุดิบที่จะนำมาใช้ในโรงงาน พ.ศ. 2563 อีกทั้งห้ามนำเข้าเศษพลาสติกและของที่ใช้ไม่ได้ที่เป็นพลาสติก พิกัดศุลกากรประเภท 39.15 ตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้เศษพลาสติกเป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2567 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 หรือหากเป็นการนำเข้าก่อนวันที่ 1 มกราคม 2568 ก็ตรวจสอบไม่พบข้อมูลการขออนุญาตตามขั้นตอนของอนุสัญญาบาเซลจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม ทั้งนี้ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งรวบรวมข้อมูลพยานหลักฐานนำส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินการทางกฎหมาย

จากนั้น เวลา 11.00 น. คณะลงพื้นที่ได้เดินทางไปยังศาลากลางจังหวัดสมุทรสาคร เพื่อประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ในการหาแนวทางการแก้ไขและป้องกันปัญหาการลักลอบประกอบกิจการอย่างผิดกฎหมาย โดยกระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกับจังหวัดสมุทรสาคร จะผลักดัน “สมุทรสาครโมเดล” จัดให้มีคณะทำงานกลั่นกรองร่วมกันระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรมและเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ในการให้ความเห็นประกอบการพิจารณาออกใบอนุญาตโรงงานกลุ่มที่มีความเสี่ยง เช่น โรงงานหล่อหลอมโลหะ โรงงานคัดแยกหรือรีไซเคิลวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว เป็นต้น ตลอดจนเตรียมหารือร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เพื่อส่งต่อคดีในลักษณะเช่นนี้ซึ่งเชื่อว่ามีผู้ร่วมขบวนการเป็นเครือข่ายใหญ่ให้ไปอยู่ในความดูแล เพราะถือเป็นคดีสำคัญระดับประเทศ โดยกำชับให้เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน ทั้งรัฐ เอกชน ราชการส่วนท้องถิ่น และผู้ที่เกี่ยวข้อง เฝ้าระวังและบริหารจัดการของกลางที่ได้ทำการยึดอายัดเอาไว้ ตลอดจนเร่งรัดปราบปรามการประกอบการที่ผิดกฎหมายอย่างเข้มงวด เพื่อขจัดพวกผู้ประกอบการนอกแถวอย่างสิ้นซาก
หากประชาชนพบปัญหาอุตสาหกรรม โรงงานเถื่อน โรงงานที่ทำให้เดือดร้อน สามารถแจ้งเรื่องได้ที่แอปพลิเคชันไลน์ “แจ้งอุต” ภายใต้ Traffy Fondue (https://landing.traffy.in.th/?key=gmyeYDBV) เปิดรับเรื่องทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง



#กรมโรงงานอุตสาหกรรม #กรมโรงงาน #กรอ #DIW #MIND #กระทรวงอุตสาหกรรม #saveอุตสาหกรรมไทย #saveสิ่งแวดล้อม #ตรวจสุดซอย #ไฟไหม้ #ไฟไหม้โรงงาน #โรงงานเถื่อน #ไฟไหม้สมุทรสาคร
