You are currently viewing เริ่มต้นสวยงาม! กรมโรงงานฯ ตรวจประเมินพื้นที่เมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ 7 พื้นที่ ลดก๊าซเรือนกระจก ทะลุแล้วกว่า 2,000 ตันCO2eq

นายพรยศ กลั่นกรอง อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กรมโรงงานอุตสาหกรรม โดย กองพัฒนาอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ มุ่งขับเคลื่อนนโยบายการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ สอดคล้องเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี “ประเทศไทยมีต้นแบบเมืองน่าอยู่ คู่อุตสาหกรรม ไม่น้อยกว่า 40 พื้นที่ ใน 37 จังหวัด” โดยปัจจุบันมีพื้นที่เป้าหมายการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศแล้วทั้งสิ้น 54 พื้นที่ ใน 39 จังหวัด และเบื้องต้นประเมินการลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกแล้ว 2,293.997 ตันCO2eq พร้อมร่วมทุกประเทศผลักดันเป้าหมายระดับโลกในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในปี ค.ศ. 2050 ตามมติที่ประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ครั้งที่ 26 (COP26) จัดขึ้นที่เมืองกลาสโกว์ ประเทศสกอตแลนด์ เมื่อปี ค.ศ. 2021

ปัจจุบันมีพื้นที่เป้าหมายการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศแล้วทั้งสิ้น 54 พื้นที่ ใน 39 จังหวัด มีการประเมินการลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกแล้ว 2,293.997 ตันCO2eq
ปัจจุบันมีพื้นที่เป้าหมายการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศแล้วทั้งสิ้น 54 พื้นที่ ใน 39 จังหวัด มีการประเมินการลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกแล้ว 2,293.997 ตันCO2eq

นางอัญชลี ยิ่งทวีสิทธิกุล ผู้อำนวยการกองพัฒนาอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ รายงานผลการตรวจประเมินพื้นที่เมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ด้วยกระบวนการการตรวจประเมินภายนอก (External Audit) ดำเนินการไปแล้วเสร็จใน 7 พื้นที่ จากทั้งหมด 38 พื้นที่ ซึ่งมีโครงการและผลการดำเนินงานที่โดดเด่นในแต่ละพื้นที่ ดังนี้

1) พื้นที่ตำบลปะโค อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี ดำเนินโครงการปรับลดปริมาณน้ำเสียในกระบวนการผลิต 10% สามารถลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 123.698 ตันCO2eq และพัฒนาระบบการจัดคิวรถบรรทุกอ้อยเพื่อลดการใช้พลังงาน สามารถลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 27.100 ตันCO2eq

พัฒนาระบบการจัดคิวรถบรรทุกอ้อยเพื่อลดการใช้พลังงาน
พัฒนาระบบการจัดคิวรถบรรทุกอ้อยเพื่อลดการใช้พลังงาน

2) พื้นที่ตำบลขุนแก้ว อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ดำเนินการแก้ไขปัญหากลิ่นรบกวนด้วยระบบก๊าซชีวภาพ (ระบบ Biogas) ที่เปลี่ยนของเสียอินทรีย์เป็นพลังงานสะอาดทดแทน สามารถลดการใช้ก๊าซหุงต้ม หรือ LPG (Liquefied Petroleum Gas) ได้ 70,613.8 กิโลกรัม/ปี และลดปัญหาข้อร้องเรียนด้านกลิ่นในพื้นที่อีกด้วย

3) พื้นที่ตำบลหนองมะค่าโมง อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี ดำเนินการพัฒนาโรงงานต้นแบบความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality)

    • โครงการอุทยานมิตรผลด่านช้าง (Mitr Phol Eco Farm) ด้วยเศรษฐกิจหมุนเวียน
    • ธนาคารขยะรีไซเคิลโรงเรียนไทยรัฐวิทยา 20 เปลี่ยนขยะให้เป็นค่าขนม
    • อนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่น วิสาหกิจชุมชนกลุ่มสตรีทอผ้าลายโบราณ เพื่อสร้างรายได้และสืบสานวัฒนธรรมการทอผ้า
ธนาคารขยะรีไซเคิลโรงเรียนไทยรัฐวิทยา 20 เปลี่ยนขยะให้เป็นค่าขนม
ธนาคารขยะรีไซเคิลโรงเรียนไทยรัฐวิทยา 20 เปลี่ยนขยะให้เป็นค่าขนม

4) พื้นที่ตำบลบ้านหว้า อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพิ่มการตรวจวัดคุณภาพสิ่งแวดล้อม ด้วยการตรวจโลหะหนักในตะกอนท้องน้ำ

5) พื้นที่ตำบลโคกขาม อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร เดินหน้าผลักดันผลิตภัณฑ์สีเขียว รวมทั้งจัดทำกระบวนการจับคู่ทางธุรกิจ (Business Matching) และส่งเสริมการขอเครื่องหมาย อย. จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา

6) พื้นที่เขตผังเมืองรวมอ้อมใหญ่ อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม ดำเนินการส่งเสริมให้โรงงานในพื้นที่เข้าร่วมโครงการ “อุตสาหกรรมรวมใจ ลดคาร์บอนไทย 7.2 ล้านตัน เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567” สามารถลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 850.271 ตันCO2eq รวมถึงการใช้รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า (Electric Forklift) แทนนรถโฟล์คลิฟท์น้ำมัน (Diesel Forklift) สามารถลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 1,292.928 ตันCO2eq

พื้นที่เขตผังเมืองรวมอ้อมใหญ่ อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม ดำเนินการส่งเสริมให้โรงงานในพื้นที่เข้าร่วมโครงการ “อุตสาหกรรมรวมใจ ลดคาร์บอนไทย 7.2 ล้านตัน เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567”
พื้นที่เขตผังเมืองรวมอ้อมใหญ่ อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม ดำเนินการส่งเสริมให้โรงงานในพื้นที่เข้าร่วมโครงการ “อุตสาหกรรมรวมใจ ลดคาร์บอนไทย 7.2 ล้านตัน เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567”

7) พื้นที่ตำบลโคกสะอาด อำเภอภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ ดำเนินโครงการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน (กลุ่มมิตรผล) พัฒนาระบบเศรษฐกิจชุมชน เกษตรชุมชน และอาหารปลอดภัยเพื่อชุมชนอย่างยั่งยืน

นางอัญชลี กล่าวเพิ่มเติมว่า การประเมินความเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศมีขั้นตอนสำคัญ 2 ขั้นตอน ได้แก่ 1) กระบวนการตรวจประเมินภายใน (Internal Audit) ที่ดำเนินการตรวจประเมินเบื้องต้นโดยผู้ตรวจประเมิน (Auditor) ในพื้นที่ ที่ผ่านการขึ้นทะเบียนไว้กับกรมโรงงานอุตสาหกรรม 2) กระบวนการตรวจประเมินภายนอก (External Audit) โดยผู้ตรวจประเมินจากส่วนกลาง ที่ผ่านการขึ้นทะเบียนไว้กับกรมโรงงานอุตสาหกรรมเช่นกัน โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน – ธันวาคม 2568 มีพื้นที่ที่ผ่านกระบวนการตรวจประเมินภายในแล้ว 34 พื้นที่ จาก 38 พื้นที่ และผ่านกระบวนการตรวจประเมินภายนอก แล้ว 7 พื้นที่ จาก 38 พื้นที่

การประเมินความเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศมีขั้นตอนสำคัญ 2 ขั้นตอน ได้แก่ 1) กระบวนการตรวจประเมินภายใน (Internal Audit) และ 2) กระบวนการตรวจประเมินภายนอก (External Audit)
การประเมินความเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศมีขั้นตอนสำคัญ 2 ขั้นตอน ได้แก่ 1) กระบวนการตรวจประเมินภายใน (Internal Audit) และ 2) กระบวนการตรวจประเมินภายนอก (External Audit)

#กรมโรงงานอุตสาหกรรม #กรมโรงงาน #กรอ #DIW #MIND #กระทรวงอุตสาหกรรม #เมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ