จากกรณีเหตุเพลิงไหม้จนปะทุเกิดการระเบิดขึ้นในพื้นที่ย่านบางพลี ตั้งแต่ช่วงเย็นของวันที่ 13 ต่อเนื่องถึงวันที่ 14 ธันวาคม 2568 จึงสามารถควบคุมเพลิงสงบโดยไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรมตระหนักถึงผลกระทบประชาชน มอบหมายให้ นายประสม ดำรงพงษ์ ผู้อำนวยการกองพัฒนาระบบมาตรฐานงานกำกับโรงงาน นำเจ้าหน้าที่กองบริหารจัดการกากอุตสาหกรรม กองบริการงานอนุญาตโรงงาน 1 กองบริหารจัดการวัตถุอันตราย กองส่งเสริมเทคโนโลยีความปลอดภัยโรงงาน และกองวิจัยและเตือนภัยมลพิษโรงงาน ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุบริเวณที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของบริษัทแห่งหนึ่ง ในตำบลบางปลา อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2568
เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพื้นที่พบว่าเปลวความร้อนจากเหตุเพลิงไหม้ทำให้เกิดแรงระเบิดปะทุซ้ำ กลายเป็นหลุมขนาดความกว้าง 2-3 เมตร จำนวน 2 หลุม สันนิษฐานคาดว่ามีสารเคมีอันตรายถูกลักลอบฝังกลบใต้ดิน ซึ่งน่าจะเป็นของเสียเคมีวัตถุ ตามบัญชี 5.2 แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมรับผิดชอบ
กรมโรงงานอุตสาหกรรมไม่นิ่งนอนใจ เร่งตรวจสอบคุณภาพอากาศในที่เกิดเหตุทันที ผลไม่พบไอระเหยหรือสารอันตรายเจือปนในบรรยากาศ จึงเก็บตัวอย่างของเสียในหลุมนำส่งวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการ ขณะที่กรมควบคุมมลพิษตรวจสอบของเสียเบื้องต้นพบค่าแมกนีเซียมปะปนสูงถึง 48.90% ซึ่งเป็นสารไวไฟที่มีความอันตราย ทั้งนี้ สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรปราการ (สอจ.สมุทรปราการ) ได้นำข้อมูลหลักฐานเข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันต่อเจ้าหน้าที่สถานีตำรวจในพื้นที่ พร้อมออกคำสั่งให้เจ้าของที่ดินดำเนินการจัดการของเสียที่ยังตกค้างอยู่ในพื้นที่ โดยให้เป็นไปตามหลักวิชาการที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมเห็นชอบ และจะสืบหาต้นตอที่มาของเสียอย่างเร่งด่วน เพื่อนำตัวผู้กระทำผิดและผู้สมรู้ร่วมคิดมารับผิดชอบความเสียหายตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป
สำหรับการลงพื้นที่ในครั้งนี้ กรมโรงงานอุตสาหกรรมและ สอจ.สมุทรปราการ กระทรวงอุตสาหกรรม บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย สถานีตำรวจภูธรบางพลี สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดสมุทรปราการ สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 13 (ชลบุรี) และหน่วยงานท้องถิ่น
#กรมโรงงานอุตสาหกรรม #กรมโรงงาน #กรอ #DIW #MIND #กระทรวงอุตสาหกรรม #ไฟไหม้บางพลี #ไฟไหม้ #ระเบิด