วันที่ 10 กันยายน 2568 นายพรยศ กลั่นกรอง อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม มอบหมายให้เจ้าหน้าที่กองบริหารจัดการกากอุตสาหกรรมและกองบริการงานอนุญาตโรงงาน 2 ลงพื้นที่ตรวจสอบโรงงานยางแห่งหนึ่ง ในตำบลคูบางหลวง อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี ภายหลังได้รับแจ้งเบาะแสจากสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดปทุมธานี (สอจ.ปทุมธานี) ว่ามีโรงงานนำยางรถยนต์ที่ไม่ได้มาตรฐานจากต่างประเทศเข้ามาเก็บในพื้นที่โรงงานจำนวนมากเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในกระบวนการผลิต โดยก่อนหน้านี้ สอจ.ปทุมธานี ได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนว่าโรงงานแห่งนี้ปล่อยกลิ่นเหม็นและมีฝุ่นละอองฟุ้งกระจายจากการเผายางรถยนต์/เศษวัสดุเหลือใช้ เมื่อเข้าตรวจสอบพบข้อสังเกตที่อาจเข้าข่ายเป็นการลักลอบนำเข้ายางเถื่อนข้ามชาติ จึงประสานกรมโรงงานอุตสาหกรรม สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดปทุมธานี กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบในครั้งนี้
ขณะตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่าโรงงานดังกล่าวได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการทำยางขอบกระจก หรือโรงงานลำดับที่ 52(4) แต่กลับตรวจพบการติดตั้งเครื่องจักรไม่ตรงกับที่ได้รับอนุญาตไว้จำนวนมาก มีการประกอบกิจการทำแผ่นยางจากยางรถยนต์ใช้แล้วซึ่งไม่ตรงกับที่ได้รับอนุญาตไว้ การกระทำดังกล่าวจึงเป็นความผิดในข้อหาตั้งโรงงานและข้อหาประกอบกิจการโรงงานลำดับหรือประเภทโรงงานที่ 106 โดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 12 วรรคหนึ่งและวรรคสอง อันมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 50 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 ต้องระวางโทษแต่ละข้อหาจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นอกจากนี้ ยังตรวจพบการกองเก็บเศษยางรถยนต์ใช้แล้วนอกอาคารโรงงาน ทำให้น้ำชะที่เกิดจากการกองเก็บเศษยางรถยนต์ไหลระบายออกนอกบริเวณโรงงานโดยไม่ผ่านการบำบัด รวมถึงไม่พบการขออนุญาตนำวัสดุที่ไม่ใช้แล้วออกนอกบริเวณโรงงาน (กอ.1) ไม่พบการรายงานข้อมูลผ่านระบบรายงานข้อมูลกลางของกระทรวงอุตสาหกรรม (i-Single Form) ตลอดจนไม่มีมาตรการด้านความปลอดภัยของโรงงาน อาทิ
- ไม่มีระบบหรือมาตรการป้องกันการเกิดอัคคีภัยภายในโรงงาน
- ไม่มีมาตรการควบคุมและป้องกันกลิ่นเหม็นที่เกิดจากการประกอบกิจการ
ซึ่งเป็นการไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขการประกอบกิจการโรงงาน ดังนั้น การประกอบกิจการของโรงงานดังกล่าวจึงเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยโรงงานและอาจจะก่อให้เกิดอันตรายและความเดือดร้อนอย่างร้ายแรงต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อมโดยรอบ
เจ้าหน้าที่จึงรวบรวมเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับการรับวัตถุดิบเศษยางรถยนต์ของโรงงาน และเตรียมออกคำสั่งทางปกครองโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 39 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 ให้โรงงานหยุดการประกอบกิจการโรงงานทั้งหมดทันที รวมทั้งจะอาศัยอำนาจตามมาตรา 35(4) ให้โรงงานชี้แจงเกี่ยวกับชนิด ปริมาณ และแหล่งที่มาของกองวัตถุดิบ จากนั้นเจ้าหน้าที่เดินทางไปลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานต่อพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรคูบางหลวง เพื่อยืนยันข้อเท็จจริงที่ตรวจพบและจะเข้าดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษเพื่อดำเนินคดีอาญากับผู้กระทำความผิดที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายว่าด้วยโรงงานและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องจนกว่าคดีจะถึงที่สุดต่อไป
#กรมโรงงานอุตสาหกรรม #กรมโรงงาน #กรอ #DIW #MIND #กระทรวงอุตสาหกรรม #saveอุตสาหกรรมไทย #saveสิ่งแวดล้อม #โรงงานยาง #ยางเถื่อน